วันอาทิตย์ที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2557

อัลฟาฟ่า ใน คลอโรฟิลล์ Chlorophyll

อัลฟาฟ่า(Alfalfa)จัดเป็นพืชตระกูลถั่วที่มีที่ฝัก เป็นพืชพื้นเมืองของเอเชียตะวันตก และแถบเมดิเตอร์เรเนียนตะวันออก เป็นพืชชนิดแรกๆ ที่ใช้เพื่อการเพาะปลูกเติบโตได้ในแทบทุกอากาศทั่วโลก อัลฟาลฟ่ามีระบบรากที่มหัศจรรย์มาก ซึ่งสามารถชอนไชลงไปได้ลึกกว่า 130 ฟุต จึงมีประสิทธิภาพ ในการดูดซึมธาตุอาหารได้มากกว่าและบริสุทธิ์กว่า อีก ทั้งตัวของอัลฟาลฟ่าเองก็จะไม่สะสมสารพิษ ชาวอาหรับโบราณรู้จักใช้ประดยชน์จากอัลฟาลฟ่า มากว่า 2,000 ปีก่อนคริสตกาล โดยใช้เป็นพืชเลี้ยงสัตว์ เพื่อเพิ่มความเร็วและแข็งแรงให้กับม้า อีกทั้งยังใช้ใบมาตากแห้งชงเป็นชาดื่ม ด้วยคุณค่้าทางอาหารที่มากมาย ชาวอาหรับจึงขนานนาม Alfalfa ให้เป็น AL-FAS-FAH-SHA หรือ"ราชาแห่งอาหารทั้งมวล"


           สรรพคุณอัลฟาฟ่า 
1.มีสารไอโซฟลาโวน(Isoflavone)ซึ่งเป็นไฟโตเอสโตรเจน(Phytoestrogen) ในสตรีในวัยใกล้หมดประจำเดือน เอสโตรเจนจะลดต่ำลง ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของสภาพร่างกาย และภาวะกระดูกเสื่อม ไฟโตเอสโตรเจนนี้ จะเข้าไปชดเชยเอสโตรเจนที่ต่ำลงนี้ นอกจากนั้นยังมีวิตามินดี แร่ธาตุ แคลเซียมและฟอสฟอรัส ซึ่งเป็นแร่ธาตุ ที่ทำให้กระดูกฟันแข็งแรง จึงลดความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะกระดูกเสื่อม และช่วยให้ร่างกายปรับสภาพได้ อย่างเหมาะสม นช่วงนี้ของอายุ เช่น อาการร้อนวูบวาบตามตัว หงุดหงิดง่ายลงด้วย นอกจากนั้นยังจะสามารถบรรเทาอาการปวดประจำเดือนได้ สำหรับผู้ที่มีอาการปวดประจำเดือนเป็นประจำ
2.จากการศึกษาพบว่า สารซาโปนิน (Saponin) ในอัลฟาลฟ่า ช่วยป้องกันหรือชลอการดูดซึมคอเลสเตอรอลจากอาหาร ดังนั้นจึงช่วยให้ดะดับคอเลสเตอรอลในเลือด ป้องกันการเกิดภาวะการสะสมไขมันในหลอดเลือด และช่วยควบคุมระดับความเข้มข้น ของคอเลสตอรอลให้เป็นปกติ
3.ช่วยทำความสะอาดผิวจากภายใน เนื่องจากคลอโรฟิลล์จะทำหน้าที่ขจัดของเสีย สารพิษออกจากเลือด และอวัยวะภายใน(Blood and Bowel Cleanser) ลดการตกค้างของของเสียตามผิวหนัง ทำให้เลือดสะอาด และไหลเวียนได้ดีขึ้นเหมาะอย่างยิ่ง สำหรับผู้ที่รับประทานมากและชอบรับประทานเนื้อสัตว์ เมื่อเลือดดีขึ้นทำให้ผิวพรรณผ่องใสมีสุขภาะพที่ดีตามมา นอกจากนี้สารไฟโตเอสโตรเจนในอัลฟาลฟ่า ยังช่วยปรับสมดุลฮอร์โมนในร่างกาย ซึ่งพบว่าในคนที่มีสิวง่ายเมื่อรับประทานอัลฟาลฟ่า ปริมาณการเกิดสิวจะลดลง และผิวจะดูสะอาดขึ้น
4.อัลฟาลฟ่า สามารถรักษาโรคที่เกี่ยวกับกระเพาะอาหารต่างๆ เช่น มีแก๊สในกระเพาะอาหารมากเกิดอาการจุกเสียด เป็นประจำ โรคแผลในกระเพาะอาหาร และโรคเบื่ออาหาร โดยพบว่าอัลฟาลฟ่ามีวิตามินยู ซึ่ง ดร.กาเนนท์ อาจารย์ประจำมหาวิทยาลัย สแตนฟอร์ด กล่าวว่า วิตามินยู มีศักยภาพสูงในการรักษาโรคกระเพาะ ทำให้การสมานแผลในกระเพาะดีขึ้น และการหลั่งของน้ำย่อยเป็นปกติ การรักษาโรคของหญ้าอัลฟาลฟ่านี้อาจจะเป็นในลักษณะเดียวยกันกับวิธีทางธรรมชาติของแมวหรือสุนัข ที่มักจะกินหญ้าเพื่อบรรเทาโรคกระเพาะของมันได้
5.มีบีเทน ไฮโดรคลอไรด์ (Betaine HCL) ซึ่งทำหน้าที่ย่อยโปรตีนและเอนไซม์อื่นๆ อีก 7 ชนิดที่ส่งเสริมปฏิกิริยาเคมี ที่สามารถทำให้การดูดซึมสารอาหารภายในร่างกายเป็นไปอย่างถูกต้อง และเหมาะสม รวมทั้งมีเบต้าแคโรทีนในปริมาณสูง ทำให้ผิวที่เคลือบกระเพาะอาหารมีความแข็งแรง
6.ช่วยลดอาการปวดข้อ ข้อแข็ง รูมาตอยด์ เนื่องจากสารอาหารในอัลฟาลฟ่าจะช่วยปรับสมดุล กรดด่างในร่างกาย ป้องกันการสะสมของกรดยูริคและกรดอื่นๆ ตามข้อต่อต่างๆ ซึ่งมีรายงานความมหัศจรรย์ ผลการใช้อัลฟาลฟ่าในหนังสือของแคทเทอรีน เอลวูล ชื่อ Feel Like a Million ซึ่งทำให้คนไข้โรครูมาตอยด์ สามารถงอมือได้สะดวกยิ่งขึ้นและความเจ็บปวดก็หายไป
7.ช่วยเพิ่มการหลั่งของน้ำนม สำหรับมารดาที่กำลังให้นมบุตร และยังมีคุณสมบัติในการช่วยขับถ่ายปัสสาวะ ให้เป็นปกติได้อีกด้วย
8.มีการศึกษาทั้งในมนุษย์ สัตว์ ว่าสารไฟโตเอสโตรเจน ซึ่งมีมากในอัลฟาลฟ่า มีบทบาทที่สำคัญในการป้องกันโรคมะเร็งได้
9.แพทย์ชาวจีนใช้ใบอ่อนอัลฟาลฟ่า เพื่อการรักษาอาการย่อยอาหารไม่ปกติมาตั้งแต่ในสมัยโบราณ เช่นเดียวกันกับแพทย์ชาวอินเดีย ที่ใช้ใบ และดอกสำหรับการรักษากระบวนการย่อยอาหารไม่ปกติ

สารสำคัญใน อัลฟาลฟ่า
ด้วยระบบรากที่มีประสิทธิภาพในการดูดซึมธาตุอาหารมากกว่าพืชชนิดใดๆ ทำให้อัลฟาลฟ่าเป็นพืชที่มีส่วนประกอบของสารต่างๆมากมาย
โดยมีกรดอะมิโนที่จำเป็นต่อร่างกายถึง 8 ชนิด เช่น ไอโซลูซีน (Isoleucine)ลูซีน (Leucine) ไลซีน (Lysine) เมไทโอนีน (Methionine) เป็นต้น ซึ่งเป็นกรดอะมิโนที่ร่างกายไม่สามารถสร้างขึ้นเองได้ 
 แต่จำเป็นต้องมีไว้เพื่อประโยชน์ในการสร้างเซลใหม่ อีกทั้งอัลฟาลฟ่ายังมี วิตามิน เอ บี1 บี บี8บี12 ซี ดี อี เค พี ยู และเกลือแร่อีกหลากชนิด เช่น ฟอสฟอรัส โปแตสเซียม แคลเซียม สังกะสี ซีลีเนียม และแมกนีเซียม เป็นต้น และยังมีเอนไซม์หลัึกอีกถึง 8 ชนิด คือ ไลเปส (Lipase) โคกุเลส (Coagulase) อีมูลซิน (Emulsin) อินเวอร์เทส (Invertase) เปอร์อ๊อกซีเดส (Peroxidase) เพดติเนส (Pectinase) โปรติเอส (Protease) นอกจากนี้ อัลฟาลฟ่ายังมีสวนประกอบของสารอื่นๆอีก เช่น เบต้าแคโรทีน (Betacarotene) ไบโอฟลาโวนอยส์ (Bioflavonoids) แคโรทีน (Carotene) โคลีน (Choline) คลอโรฟิลล์ (Chlorohpyll) ฟลาโวน (Flavene) ไอโซฟลาโวน (Isoflavone) สเตอรอล (Sterol) และซาโปนิน (Saponin) เป็นต้น ซึ่งล้วนแต่เป็นสารที่ให้คุณประโยชน์ต่อร่างกายด้วยกันทั้งนั้น

      ปัจจุบัน อัลฟาฟ่า  ที่เป็นสารสำคัญ มีอยู่ใน คลอโรฟิลล์(Chlorophyll)
สรรพคุณคลอโรฟิลล์ ช่วยล้างพิษในร่างกาย เสริมสร้างภูมิต้านทาน และยังบำรุงเลือดอีกด้วย

    คลอโรฟิลล์(Chlorophyll) เป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ล่าสุดที่ให้ผลจากการรับประทาน 100% เห็นผลจริง รวดเร็ว ชัดเจน จึงขายดีที่สุดในขณะนี้
ผลิตภัณฑ์ คลอโรฟิลล์ Chlorophyll กำลังได้รับความนิยมที่สุดในขณะนี้
ปริมาณและราคา บรรจุ 100 g. ราคา 480 บาท
ดูข้อมูลที่   http://chlorophyllmir.blogspot.com
สั่งซื้อและเป็นตัวแทนจำหน่ายที่
คุณ วีระชัย  ทองสา    โทร.084-6822645 , 085-0250423
ID Line : weerachaicoffee
อีเมล์  weerachai.coffee@hotmail.com




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น